4 ข้อแตกต่างของ กระเป๋ารันโดะเซรุ กับกระเป๋านักเรียนไทย
เด็กประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างจะมีความอดทนอดกลั้น
แข็งแรง มีระเบียบวินัยมากกว่าเด็กๆ บ้านเรา ทั้งนี้เพราะไม่เพียงแต่ระบบการเรียนซึ่งสนใจกับการเรียนการสอน
อีกทั้งการให้ความสำคัญแก่เด็กๆ ของผู้เกี่ยวข้อง
แม้กระทั่งข้าวของเครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ เช่น กระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น
ก็นับว่าเป็นต้นแบบที่แสดงถึงความต่างของการเอาใจใส่ได้อย่างยิ่ง ซึ่งบทความนี้เป็นจุดต่าง 4 ข้อของเป้เด็กนักเรียนไทยและ
กระเป๋ารันโดะเซรุ
เครดิต : Rakuten Japn
1.ความคงทน
กระเป๋าเด็กนักเรียนชาวไทยซึ่งโรงเรียนทำเองหรือเลือกหาทั่วไป
ส่วนใหญ่จะใช้ผ้า 660D หรือผ้าPolyester
ใช้เป็นวัตถุดิบของกระเป๋าสะพาย
โดยเมื่อไหร่ที่นักเรียนประถมนำไปสะพายมักจะใช้ได้แค่เพียง 2-3 ปี ก็ขาด เสียหาย
โดยเฉพาะตำแหน่งสายสะพายเป้กับซิปเปิดปิดเป้ เป็นส่วนที่พังได้ง่ายที่สุด
เพราะเด็กในวัยเต็มไปด้วยความคึกคะนอง
พร้อมทั้งซิปกระเป๋าสะพายเองต้องใช้งานสม่ำเสมอ
ถ้าหากวัสดุไม่ดีหนทางพังเสียหายเป็นไปได้มากเช่นกัน ซึ่งแตกต่างจาก
กระเป๋ารันโดะเซรุ ซึ่งมีการเลือกใช้หนังมาเป็นวัตถุดิบตัวกระเป๋า
การดีไซน์และผลิตเน้นหนักไปที่ความทนทาน ประณีต
ด้วยเหตุว่ากระเป๋ารันโดะเซรุจะโดนใช้ตั้งแต่ ป.1 กระทั่งสำเร็จการศึกษาในป. 6
โดยที่เกือบจะปราศจากการเปลี่ยนกระเป๋าสะพายเลย
2.การออกแบบรับรูปร่าง
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่านักเรียนประถมเมืองไทยหามตำราไปโรงเรียนถัวเฉลี่ย
6 กิโล โดยที่น้ำหนักตัวถัวเฉลี่ยของเด็กไทยอยู่ประมาณ 30 กก.เท่านั้น
นับว่าเป็นน้ำหนักของเป้ซึ่งมากเกินมาตรฐานสาธารสุข ซึ่งกำหนดเอาไว้ว่าไม่เกินกว่า
10% ของน้ำหนักตัวนักเรียน นี่เองอาจเป็นสาเหตุขึ้นรถลงเรือลำบาก
อาจเกิดอันตรายรวมทั้งยังโทษแก่สุขภาพกระดูกสันหลังของเด็กๆ อีกด้วย
ขณะที่พ่อแม่บางท่านเลือกกระเป๋าชนิดที่มีล้อลากให้ลูก
ซึ่งสร้างความไม่สะดวกกับเด็กนักเรียน แตกต่างจาก กระเป๋ารันโดะเซรุ ชัดเจน
ทั้งนี้เพราะนักเรียนในอายุวัยนี้ต้องการเสรี เป้ลากจูงถือเป็นตัวภาระของเด็ก
และสถานที่ต่างๆ ไม่ได้มีทางลาดรองรับ ตอนพบบันไดต้องยกถือขึ้น
และนั่นเองส่งผลให้ยากลำบาก
บางครั้งพ่อแม่เลือกซื้อกระเป๋าไฮบริดที่สะพายได้ลากได้
และนั่นเป็นการเพิ่มเติมน้ำหนักกระเป๋าโดนไม่ตั้งใจ แม้ว่ายุคปัจจุบันนักเรียนประเทศไทยจะนิยมเป้มากขึ้น
ถึงกระนั้นกระเป๋าเป้แบรนด์ไทยๆ
มักจะเป็นกระเป๋าโรงงาน ซึ่งมีการผลิตแบบล็อตใหญ่ๆ
เพื่อให้ระดับราคาขายถูกที่สุด เหตุฉะนี้
การดีไซน์จึงไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคุณภาพอย่างที่ควร กระเป๋านักเรียนบางใบไม่มีเบาะอ่อนนุ่มรองรับบริเวณสันหลังกับสายเป้หรืออาจจะมีก็บางมากเกินไป
ใช้ฟองน้ำที่มิได้คุณภาพ ครั้นถูกใช้งานผ่านไป 1-2 ปี สายสะพายยุบทำให้คุณหนูๆ
เกิดอาการเจ็บปวดหัวไหล่ได้ ต่างจาก กระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น
ที่มีการออกแบบที่ซับซ้อน มุ่งเน้นความสะดวกกับความปลอดภัยเป็นสำคัญ ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นกระเป๋าสะพายที่เหมาะสำหรับการหยิบมาใส่เอกสารขนาด A4 อย่างมาก
โดยเหมาะเอามาใช้สำหรับนักเรียนของไทย
เนื่องจากปัจจุบันนี้หลายโรงเรียนมีการใช้ชีทในการเรียนการสอนแทนที่หนังสือกันเพิ่มขึ้น
3.ทางFashion
สำหรับแง่Fashionแทบไม่ต้องวิเคราะห์
เป้ประเทศไทยจะเน้นโทนสีเข้ม หรือว่าธีมสีที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของโรงเรียน
ซึ่งนับว่าเป็นการจำกัดจินตนาการของเด็กๆ อยู่แต่ในกรอบระเบียบที่เข้มงวดเกินพอดี
ทั้งๆ ที่เรื่องกระเป๋าสะพายน่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะอนุโลมได้
ด้วยเหตุว่าเป้ที่สวยงามเป็น Fashion อย่าง กระเป๋ารันโดะเซรุ
ไม่ได้ส่งผลให้เด็กเกิดความเบื่อ แต่สร้างความร่าเริง
ช่วยให้เด็กอยากสะพายกระเป๋าสะพายมาเรียนเป็นประจำ
นับว่าเป็นสิ่งกระตุ้นการเรียนที่มีประสิทธิภาพอย่างกนึ่ง
4.สนนราคา
กระเป๋าสะพายของไทยมีจุดเด่น
คือ มีสนนราคาซึ่งย่อมเยา ซึ่งกระเป๋าเนื้อผ้าดีๆ
มีระดับราคาแค่เพียง ไม่เกิน 700 บาทเท่านั้น ต่างจาก
กระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น ที่มีสนนราคามักจะสูง
แม้ว่าคุณสามารถสั่งซื้อได้ในระดับราคา เริ่มต้นที่ 3-4 พันบาท
อย่างไรก็ดีครอบครัวญี่ปุ่นส่วนมากมักจะเลือกกระเป๋ารันโดะเซรุในระดับราคาถัวเฉลี่ย1
หมื่นบาท ในส่วนกระเป๋ารันโดะเซรุเกรดดีๆ ระดับราคาจะมากถึง 3-6 หมื่นบาทนั้นเลย
แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการประเทศญี่ปุ่นมีชื่อเสียเชื่อได้ด้านคุณภาพ
การตัดเย็บอย่างใส่ใจหรือละเอียดลออ
ซึ่งรับรองได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับเงินซึ่งท่านจ่ายไปอย่างแน่แท้
อย่างไรก็ดีซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อกระเป๋าเป้ของไทยหรือ
กระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น
สิ่งสำคัญนั่นก็คือการตัดทอนน้ำหนักสัมภาระในเป้มิให้มากเกินเกณฑ์ที่กำหนด
พ่อแม่ต้องสนใจในการจัดสัมภาระ จัดตารางสอนของเด็ก
ควรเลือกใส่แต่เครื่องใช้ซึ่งจำเป็นในแต่ละวัน เพื่อปกป้องรักษาปมปัญหาการสะพายกระเป๋าสะพายที่หนักมากเกินไปจนมีผลกระทบกับการพัฒนาการได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น